วันที่ 18 มิ.ย.56 เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม รอง ผบก.ผอ.สยศ. พร้อมด้วย พ.ต.ท.วีระชีพ ช.ชมเมือง สว.กลุ่มงานกิจกรรมการพิเศษ ผก.สยศ. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมกันนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ชป.ศปทส.ตร.) และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมนำหมายศาลจังหวัดสมุทรปราการ ลงวันที่ 18 มิ.ย.56 เข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 40/202 -203 หมู่ 10 ซอย รัตนธานี 9 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และบ้านเลขที่ 40/205 หมู่ 10 ซอย รัตนธานี 9 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังจากได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบเลี้ยงสัตว์ป่าสงวน
จากการตรวจสอบบ้านเลขที่ 40/202-203 พบบ่อเพาะพันธุ์สัตว์น้ำกว่า 100 ชนิด รวมถึงปลากระเบน นอกจากนี้ ยังพบกรงนกขนาดใหญ่ ภายในมีนกเงือก 2 ตัว ถูกเลี้ยงไว้ทางจ้าหน้าที่จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ทราบภายหลังเป็นของ นายสุรินทร์ อาภารัตน์วิไล อายุ 63 ปี เป็นเจ้าของให้การว่า ตนได้เพาะเลี้ยงปลาเพื่อส่งออกเป็นเวลา 40 ปี เป็นกิจการของครอบครัว ทำมาตั้งแต่รุ่นพี่สาว ส่วนมากเป็นปลาส่งออกประเภทสวยงาม ส่วนใหญ่ส่งไปประเทศญี่ปุ่น จำพวกปลากระเบน ปลากัด ปลาลิ้นหมา ตะพาบ กุ้ง และปู เลี้ยงสวยงามซึ่งเป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่น โดยส่งออกในนามของบริษัท เอส แอนด์ พี อควอเลี่ยม จำกัด (มหาชน) ส่วนนกเงือกตนเลี้ยงไว้นานหลายปีแล้วโดยมีใบญาติถูกต้องทุกอย่าง
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบบ้านเลขที่ 40/205 ภายในมีเนื้อที่ 2 ไร่ ซึ่งมีการเลี้ยงนกสวยงามหลากหลายพันธุ์เลี้ยงไว้ในกรงกว่า 30 กรง นอกจากนี้ยังพบกรงต้องสงสัยขนาดใหญ่ ซึ่งถูกรื้อถอนจนหมดกองเป็นเศษเหล็กวางไว้บริเวณใกล้ประตูบ้าน ทั้งนี้ ยังพบนกกรงหัวจุก 6 ตัว นกคุ่ม 6 ตัว และนกกระทาไฟอีก 2 ตัว
จากการตรวจค้นสามารถควบคุมตัว นายสุรพล ภูผาลี อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว จากการสอบสวน ทราบว่า บ้านหลังนี้เป็นของนายทองสุข จูประจักษ์ อายุ 70 ปี เป็นพี่ชายของนายสุรินทร์ โดยบ้านหลังก่อนหน้านี้ และเป็นเจ้าของสัตว์ภายในบ้านทั้งหมด ส่วนตนทำหน้าที่เป็นคนเลี้ยงดูสัตว์ภายในบ้าน ได้ค่าจ้างวันละ 300 บาท โดยทำงานที่นี่มากว่า 30 ปีแล้ว ส่วนใหญ่เป็นคนคอยให้อาหารสัตว์และเลี้ยงดู ซึ่งนกทุกตัวเจ้านายตนเลี้ยงไว้ขายให้กับชาวไทยและต่างชาติที่ชื่นชอบนกสวยงาม
นายสุรพล กล่าวอีกว่า ซากกรงเหล็กขนาดใหญ่ที่พบนั้นเป็นกรงเลี้ยงเสื้อโคร่งที่นายทองสุข เลี้ยงไว้ 3 ตัวแล้วตายไปทั้งหมดแล้วเมื่อประมาณ 10 ปี จากนั้นเมื่อไม่นานมานี้เจ้านายของตนเห็นว่าปล่อยกรงทิ้งไว้เฉยๆ จึงสั่งให้รื้อถอนออกไป ส่วนนกกรงหัวจุก นกคุ่ม และนกกระทา เป็นของตนได้มาจากน้องชายที่อยู่ภาคใต้ ซึ่งเลี้ยงไว้ดูเล่น ไม่คิดว่าจะเป็นสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด
นายธีรภัทร เปิดเผยว่า วันนี้ได้เดินทางมาตรวจสอบเนื่องจากได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปทส.ตร. ให้มาร่วมตรวจสอบหลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าบ้านหลังดังกล่าวได้ลักลอบเลี้ยงสัตว์สงวนโดยไม่ได้รับอนุญาต จากการตรวจสอบพบว่ามีสัตว์ป่าที่ผิด พ.ร.บ.คุ้มครองปี 2535 คือ นกกระทาไฟ 2 ตัว นกกรงหัวจุก 6 ตัว และนกคุ่ม 6 ตัว ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งอีกว่า พื้นที่ตรงนี้มีการลักลอบเลี้ยงเสือโคร่งอีกด้วย แต่จากการตรวจสอบแล้วพบว่ามีใบอนุญาตคุ้มครองอย่างถูกต้อง ซึ่งออกเมื่อปี 2546 แต่ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบไม่พบเสือโคร่ง จึงต้องขอการยกเลิกใบอนุญาตดังกล่าว เนื่องจากสถานสถานที่นี้ไม่มีการเลี้ยงเสือโคร่งแล้ว ส่วนนกแก้วมาคอ พบว่ามีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง จึงจะขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่เลี้ยงนกชนิดดังกล่าวให้จัดพื้นที่ปรับปรุงให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้มีผลกระทบประชาชนบ้านใกล้เรือนเคียงให้ได้รับความเดือดร้อนอีกต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.วีระชีพ กล่าวว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ผิดตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535” กับนายสุรพล ไว้ก่อน ส่วนการตรวจสอบบ้านหลังแรกทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้มาตรวจสอบสัตว์น้ำต้องสงสัย ส่วนบ้านหลังที่สอง ทางเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำเจ้าของบ้าน และประสานให้เจ้าหน้าที่ไซเตส และกรมอุทยานแห่งชาติฯ มาตรวจสอบสัตว์ที่เลี้ยงไว้อย่างละเอียดอีกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น